กาลครั้งหนึ่ง มีก้อนขนเดินทางมายังห้องว่างแห่งหนึ่ง…
จะเห็นได้ว่าก้อนขนมันดูน่าหมั่นไส้จนน่าโกร๋นขนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย…แต่ก็ทำไม่ได้! เพราะนั่นคือ!?
ใช่แล้ว ผมคุณแกะนั่นเอง!? ที่อยู่ๆมาเปิดตอนพิเศษไม่มีอะไรมาก…
ทุกท่านคงรู้ดราม่าของ คนแต่งนิยาย และ คนอ่าน ใช่ไหมครับ ช่วงนี้ค่อนข้างจะเยอะและถี่ขึ้นทุกวัน
แน่นอนว่าผมก็โดนผลกระทบเช่นกัน โดยเฉพาะ…เรื่องขอเม้นส์หรือแสดงความคิดเห็น
และโดนว่ากลับว่า คนแต่งเรื่องมากเรื่องเยอะ อย่างนู่นอย่างนี้ แทงใจเลือดกระฉูดทุกครั้ง
อย่าพึ่งปิดหนี หรือ แสร้งทำเป็นไม่สนใจเลยครับ…
โปรดดูต่อด้วยเถอะนะ…เพราะจากนี้มันจะเป็นการอธิบายว่า
ทำไม คนแต่งต้องการเม้นส์กันนักกันหนา
แต่พิมพ์ตรงๆบางคนก็คงไม่เข้าใจ เข้าใจยาก น่าเบื่อ ผมเลยวาดรูปประกอบบ้าง
และ…มาลองสมมุตอกันเพื่อให้เห็นภาพชัดๆ ผมจึงเปลี่ยนจาก คนเขียนนิยาย เป็น คนทำขนมแทน!?
แต่ในชีวิตจริงอย่าลองชิมของที่ผมทำเลยนะครับ รับประกันสุขภาพแต่ไม่รับประกันรสชาตินะ
เอาล่ะ ต่อๆๆ รู้ไหมว่าเวลาทำเค้กต้องใช้อะไรบ้าง?
ก็…อย่างที่เห็น เสียเงินหลายบาทเจ็บปวดใจเหลือเกิน กว่าจะทำเค้กมาได้
แน่นอน…เมื่อทำได้เราก็สนใจอยากให้คนลองชิม เผื่อเขาสนใจรสชาติของเค้กแล้วมาอุดหนุนอย่างไรล่ะ!?
เมื่อเขามาอุดหนุนเยอะๆเราก็จะสามารถเปิดร้านเค้กได้!?
ตอนแรกก็มีคนสนใจเค้กผมเยอะมาก แต่ไม่รู้หรอกนะว่าเค้กที่ผมทำอร่อยรึเปล่า?
พวกเขาลองชิม…แล้วก็เงียบ ไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น จากนั้น…
เมื่อเขาทานเค้กผมจนพึงพอใจ ก็กลับไปกันหมด ผมก็ไม่คิด…ก็ลองทำต่อไปเรื่อยๆ
แน่นอนพวกเขาก็ทานเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันกลับ
วนลูบซ้ำไปซ้ำมา 5 ครั้ง 10 ครั้ง…
จนเงินผมเริ่มหมด ไม่สามารถทำเค้กได้เลยต้องการเงินสนับสนุน หลังจากที่แจกชิมมานาน
เริ่มไปร้องขอเงินกับคนที่มาชิมแล้วกลับไปเพื่อมาสนับสนุนให้ผมทำเค้กต่อไปได้
พอร้องขอ คนที่ชิมก็ไม่พอใจ มาต่อว่าเช่นนี้ และไม่สนันสนุนต่อ
ใจแคบเหรอ…แต่เขาก็ไม่เคยให้อะไรผมเลยทำไมเขาถึงว่าผมฝ่ายเดียวล่ะ…
ร้านเค้กมีตั้งเยอะเหรอ…แต่เขาก็ชิมเค้กของผมตั้งเยอะเลยนะ
ร้านดังไม่สนใจเงินเหรอ…ก็ร้านดังเขามีเงินอยู่แล้วนี่ แถมมีคนอุดหนุนตลอดเวลาอยู่แล้วด้วย
เมื่อร้านดังมีคนอุดหนุนแล้ว…เขาก็ไม่จำเป็นต้องร้องขอเงินจากคนที่ชิมตลอดโดยไม่คิดจ่ายเงินสักหน่อย..
ผมหมดกำลังใจ ท้อแท้…จริงๆอาจมีคนที่ชิมชอบของผมก็ได้แหละ… แต่ผมก็ไม่รู้…
เพราะเขาไม่เคยพูด ไม่เคยสนับสนุนผม ทำให้ผมคิดว่า…คงไม่มีใครชอบหรอกเค้กที่ผมทำน่ะ
ในที่สุดผมก็ไม่ได้ทำเค้กต่อ เพราะไม่มีเงินสนับสนุน ทำตามความฝันที่จะเปิดร้านเค้กก็ไม่ได้
คุ้นๆไหมครับ…เหตุการณ์ในครั้งนี้
ความฝันของคนๆหนึ่ง…ต้องจบลงเพราะคนๆหนึ่ง และคนๆนั้น…ก็ไม่ได้รู้สึกผิด
ไม่สิ…เรียกกว่า เขารู้สึกว่า ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดต่างหาก
นี่…กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้วมั้ง…
เค้กนั่นที่ผมทำขึ้นมา มันก็คือนิยายไงล่ะครับ…
เริ่มมองออกรึยัง?
สิ่งที่ผมลงทุนกับผลงาน
เปลี่ยนจากเงิน…เป็นเวลา…
แต่งนิยายมีคนบอกไม่ต้องลงทุน…ไม่ใช่ครับ
ผมลงทุนนะเอาเวลาว่างที่น่าจะไป อ่านนิยาย อ่านการ์ตูน เล่นเกม เที่ยวเล่น นอนพัก ใช้ชีวิตเหมือนคนๆอื่น
แต่กลับใช้เวลาว่างพวกนั้น แต่งนิยาย ตอนแรกก็สนุกอยู่ แต่ว่า…
สุดท้ายโลกความจริงโหดร้ายนะครับ มันฟรีตลอดไม่ได้ ที่แต่งผมก็หวังรวมเล่มเหมือนกัน
ก็อยากได้เงินเหมือนกัน เพื่อค่าเหนื่อย ค่าเวลาที่เราต้องแบ่งบันมาที่นิยายตัวเอง
แต่ผมก็ไม่รู้…ว่าพวกคุณน่ะชอบนิยายของผมรึเปล่าเพราะ คุณไม่เคยพูดอะไรเลย…ไม่บ่งบอกอะไรให้รับรู้
ทำไมล่ะครับ…ทำไมผมร้องขอแล้วผมถึงเป็นคนผิดล่ะ?
หรือว่า…คุณต้องการให้นักเขียนเขียนนิยายตอบสนองความต้องการของคุณตลอดไป
โดยไม่สนใจ…ว่าเขาจะต้องเจ็บปวดแค่ไหน
คุณอ่านแต่นิยายเขา…แล้วเคยอ่านความรู้สึกของคนที่เขียนนิยายบ้างรึเปล่า?
ถ้าเช่นนั้นผมก็มองว่า นักเขียนทุกคนคงต้องเป็นเหมือนในภาพนี้
ปาก…ห้ามร้องขออะไรทั้งสิ้น
น้ำตา…ไหลไปก็ไม่มีใครรู้ ไม่สิ ไม่มีใครสนใจ
หัวใจ…เจ็บแค่ไหนก็ยังถูกจองจำ…ให้สามารถทนเจ็บต่อไปเรื่อยๆ
ร่างกาย…ถูกมัดพันธนการไม่ให้มีสิทธิ์อะไรทั้งสิ้น
นี่คือคนเขียนนิยายของคุณในอุดมคติใช่ไหมครับ?
ผมไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้มีคนอ่านมาถึงตรงจุดนี้กี่คน
แต่ว่า…ใจเขาใจเรา…บ้างเถอะนะครับ…
ถ้าคุณชอบ รู้สึกชอบสักนิด…พิมพ์บ้างก็ได้…ชอบอะไร รู้สึกยังไงกับเนื้อเรื่องนั้นๆ
คุณสนุกแล้ว…ให้คนที่เขียนนิยายให้คุณสนุกกับ ความคิดเห็นของคุณบ้างเถอะนะครับ
ปล. อักษรย่อมีความหมายนะ D คือคนที่ว่าผมตอนที่ผมขอเม้นส์หรือน้อยใจเรื่องเม้นส์ครับ
อย่าสนปากพวกคนเห็นแก่ตัวเลยคุณแกะ ผมเข้าใจความรู้สึกคุณแกะนะ และก็คอยเป็นกำลังใจอยู่ บอกเลยนิยายคุณแกะสนุกมากๆ ผมเชียร์อยู่นะ สู้ๆ
ถูกใจถูกใจ